วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ใบงานที่ 14

ใบงานที่ 14
1. จุดเด่นจุดด้อยและข้อเสนอแนะในการใช้ (เว็บล็อก)Weblogหรือบล็อก(Blog) Blogspot.com
2. เปรียบเทียบ Blogspot.com กับ Blog Go to Know เป็นข้อ ๆ
3. ให้นักศึกษาทำWebLinK ของ Web GOTOKNOW ของนักเรียนลง บนฺบล็อก Blogspot.com
การสร้าง blog เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ข้อมูลส่วนตัว หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ นับว่ามีความสำคัญและจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าต้องการประชาสัมพันธ์ด้วยวิธีการอื่นๆ เช่น พัฒนาเว็บไซต์เอง อาจจะต้องใช้เวลามาก ฉะนั้นการการสร้าง blog จึงมีผู้นิยมสูง ซึ่งอาจเป็นเพราะ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย (ส่วนใหญ่) ใช้งานง่าย โดยผู้เขียนไม่ต้องมีความรู้เรื่องการเขียนเว็บไซต์ด้วยโปรแกรมภาษา หรือโปรแกรมสำเร็จรูปใดๆ เลยก็ย่อมได้ สามารถปรับแต่ง แก้ไขได้ง่าย บนหน้าจอ ณ เวลานั้นเลย แต่หากจะมีความรู้เรื่องภาษา Html ก็จะยิ่งดีมากๆเพื่อช่วยในการปรับแต่งในขั้นลึกยิ่งขึ้น
ประโยชน์ของ Blog นั้นมีมากมายกว้างขวางยิ่งกว่า ไดอารี่ หรือบันทึกส่วนตัวทั่วๆไป

จุดเด่นในการใช้ (เว็บบล็อก)Weblogหรือบล็อก(Blog) Blogspot.com

1. เป็นสื่อที่ใช้ในการแสดงความคิดเห็น ความรู้สึกของผู้เขียนในเรื่องต่างๆที่เสนอให้ผู้ที่
สนใจรับรู้
2. สามารถปรับแต่ง แก้ไขได้ง่ายบนหน้าจอตามที่ต้องการได้
3. สามารถนำเสนอสื่อมัลติมิเดีย เช่น วีดีโอ สไลด์ เพลง รูปภาพ ได้หลากหลาย
4. เป็นแหล่งรวมความรู้ที่หลากหลาย เผยแพร่และเข้าถึงได้ง่าย
5. เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์งานต่าง ๆ เสนอข่าวสารความเคลื่อนไหวของ
องค์กรได้
6. เป็นแหล่งเก็บข้อมูล ที่ทันสมัย ใช้ส่งข้อมูล หรือติดต่อสื่อสาร ออนไลน์
7. ทำให้ทันต่อเหตุการณ์ในโลกปัจจุบัน เพราะข่าวสารความรู้ มาจากผู้คนมากมาย
(ทั่วโลก) และมักจะเปลี่ยนแปลงได้ทันกับเหตุการณ์ปัจจุบันเสมอ

จุดด้อยในการใช้ (เว็บบล็อก)Weblogหรือบล็อก(Blog) Blogspot.com
1. . เครื่องมือที่ใช้มีหลากหลายยังศึกษาได้ไม่ครบทุกตัว ทำให้พัฒนาได้ไม่เต็มที่
2. blogspot.com จำเป็นจะต้องศึกษาโปรแกรมอื่นเพิ่มเติมเพื่อได้ใช้งานร่วมกัน
เปรียบเทียบ Blogspot.com กับ Blog Go to Know
3. blogspot สามารถตกแต่ง blog ได้หลากหลาย สามารถใส่คลิปเพลง คลิปวีดีโอ และลูกเล่นต่างๆ ได้ เยอะ ทำให้มีความน่าสนใจมาก เปิดโอกาสให้เจ้าของ blog ได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ได้เต็มที่ ส่วนGotokhow ไม่สามารถตกแต่ง blog ได้มาก
4. blogspot ข้อความจะปรากฏเฉพาะใน blog ตัวเองเท่านั้น ส่วนGotokhow เมื่อบันทึกบทความแล้ว นอกจากข้อความจะปรากฏใน blog ตัวเองแล้วยังปรากฏใน blog กลางของ gotokhow ด้วย
5. blogspot ผู้เข้าไปใช้งานจะมีความหลากหลาย ส่วนGotokhow ผู้ใช้งานมักค้นหางานวิชาการหรือเผยแพร่บทความ
6. Gotokhow เป็นเครื่องมือในการสร้างความรู้ เผยแพร่ความรู้ แลกเปลี่ยนความรู้ เป็นเครื่องมือค้นหาผู้ชำนาญการ และสามารถแยกแยะประเภทของความรู้และสร้างความสัมพันธ์ของความรู้ โดยเจ้าของบล็อกสามารถจัดกลุ่มบันทึกแต่ละบันทึกด้วยคำหลักซึ่งแทนแก่นความรู้สำคัญของบันทึกนั้นๆ ซึ่ง blogspot ไม่มีบันทึกคำหลัก ไม่มีการจัดกลุ่มบันทึก มีแต่ชื่อเรื่อง และป้ายกำกับ
ท้ายที่สุดแล้วการจะสร้าง blog ด้วย ค่ายใดก็แล้วแต่ ถ้าเรานำเสนอข้อมูลที่ดี มีคุณภาพ และเป็นประโยชน์ ก็จะเป็นประโยชน์แก่คนหมู่มากได้อย่างไม่ยากนัก

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ใบงานที่ 13

ใบงานที่ 13
นายการุญ ปัญจะสุวรรณ์
รหัส 5246701070 ป.บัณฑิตการบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช

โครงการพัฒนานักศึกษาประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา
กิจกรรมศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการสถานศึกษา
ภาคกลาง – ภาคอีสาน วันที่ 17 - 22 มกราคม 2553
การได้ศึกษาดูงานครั้งนี้นับว่าเป็นโอกาสดีครั้งสำคัญครั้งหนึ่งของกระผมที่ ได้ศึกษาเรียนรู้ วิธีชีวิต รูปแบบการบริหารจัดการศึกษา การปกครอง ซึ่งนับได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ควรค่าแห่งการจดจำ ซึ่งสรุปได้ ดังนี้

1) การศึกษาดูงานโรงเรียนอนุบาลหนองคาย
โรงเรียนอนุบาลหนองคายเปิดสอนในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนทั้งสิ้น 2,002 คน 49 ห้องเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหนองคาย เขต 1 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โทร 042-411051 www.anubannk.org
ผลงานของโรงเรียนอนุบาลหนองคาย
1. โรงเรียนรางวัลพระราชทานระดับประถมศึกษา
2. โรงเรียนผู้นำการเปลี่ยนแปลง
3. โรงเรียนต้นแบบการใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
4. โรงเรียนต้นแบบการจัดการศึกษาปฐมวัย
5. โรงเรียนวิถีพุทธ
6. โรงเรียนส่งเสริมสุภาพ
7. โรงเรียนดีศรีหนองคาย
ซึ่งในการเข้าเยี่ยมชมในครั้งนี้ผู้บริหารได้มาต้อนรับและทำการบรรยายถึงยุทธวิธีการบริหารโรงเรียนให้ประสบความสำเร็จอย่างมีคุณภาพ ผู้บริหารใช้เทคนิคเร้าพลังให้ครูจะต้องมี best Practice ในแต่ละคนจะมีผลงานที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนมานำเสนอทุกคน ทำให้ครูได้พัฒนาตนเอง จนได้ คศ.3 ทุกคน




2) การศึกษาดูงานประเทศลาว
ได้มีโอกาสเข้าสู่ประเทศลาวซึ่งเป็นบ้านพี่เมืองน้องของไทย ประชากรน้อยมีแค่ 9 ล้านคน ผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 5:1 ผู้หญิงจะไม่ค่อยแต่งงาน วิถีชีวิตของคนลาวมีส่วนคล้ายคลึงกับประเทศไทยมากแต่ประเทศไทยมีความเจริญก้าวหน้ามากกว่า คนลาวมีวิถีชีวิตที่ค่อนข้างเรียบง่าย ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง อยู่อย่างพอมีพอกิน จะไม่เป็นหนี้ และในประเทศลาวจะไม่ค่อยมีตำรวจจะไม่มีคดี โจรผู้ร้ายไม่มี จะอยู่แบบสังคมที่สงบสุข มีการอนุรักษ์วัฒนธรรมอย่างชัดเจน คือ นักเรียน นักศึกษาจะนุ่งผ้าซิ่น ในแต่ละบ้านจะปักธงชาติทุกหลังเพื่อให้เห็นถึงความรักชาติ

3) การศึกษาดูงานที่หมู่บ้านงูจงอาง
ที่บ้านโคกสง่า ตำบลทรายมูล ได้ร่วมดูการแสดงคนกับงูจงอาง การจูหัวงู การอมหัวงู การนำงูเข้าในในกางเกง ซึ่งเป็นการแสดงที่ค่อนข้างอันตรายคนที่ไม่มีประสบการณ์จะลองทำไม่ได้ เป็นสังคมชนบทอยู่มาก มีการหาสมุนไพรมาขายหลากหลาย และได้รับการต้อนรับที่ดีจากชุมชนที่นั้นเป็นอย่างดี

4) การศึกษาที่จังหวัดเพชรบุรี ณ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี
ได้ไปเยี่ยมชมทิวทัศน์รอบเขื่อน โดยนั่งเรือดูรอบๆ เขื่อนสวยงามมาก ได้ร่วมรับประทานอาหารร่วมกันในตอนเย็นมีการทำกิจกรรมกลุ่มสังสรรค์ ร้องเพลง เต้นรำตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
- ผลการเรียนที่ความคาดหวังไว้ แล้วแต่ความเหมาะสมครับ สำหรับตัวกระผมเองนั้น มีพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอยู่บ้างพอสมควร และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในโรงเรียนได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งกระผมกำลังสนใจในเรื่องการถ่ายทอดทีวีผ่านเว็บไซต์ ซึ่งได้นำเรียนปรึกษาอาจารย์ครั้งหนึ่งแล้ว โอกาสข้างหน้าคงจะได้ปรึกษาหารืออาจารย์อีนะครับ

ใบงานที่ 12

ใบงานที่ 12
นายการุญ ปัญจะสุวรรณ์
รหัส 5246701070 ป.บัณฑิตการบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช

ให้สรุปการนำเสนอโปรแกรม SPSS OF WINDOWS ในวันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม 2552
ตามที่ได้เรียนรู้ ส่วนประกอบหลักของ

ส่วนประกอบหลักของ
SPSS FOR WINDOWS
-Title Bar บอกชื่อไฟล์
-Menu Bar คำสั่งการทำงาน
-Cell Editor กำหนดค่าตัวแปร
-Cases ชุดของตัวแปร
-Variable กำหนดชื่อตัวแปร
-View Bar มีสองส่วน
--Variable View
สร้างและแก้ไขโครงสร้างตัวแปร
--Data View
เพิ่มและแก้ไขตัวแปร
-Status Bar แสดงสถานการณ์ทำงาน
เปิด SPSS Data Editor
File -> New -> Data
กำหนดชื่อและรายละเอียด
จากหน้าจอ Variable View
ป้อนข้อมูล Data View
บันทึกข้อมูล
File -> Save
การกำหนดชื่อและรายละเอียดตัวแปร
ที่หน้าจอ SPSS Data Editor เรียกหน้าจอ Variable View ทำได้ 2 วิธี
1. ดับเบิลคลิกตรงคอลัมน์ของบรรทัดแรก
2. คลิกแถบ Variable View ที่อยู่ด้านล่าง
เมื่อได้หน้าต่างของ Variable View
1. Name ชื่อตัวแปร ให้พิมพ์ตรงคอลัมน์ Name เช่น Sex
2. Type ประเภทของตัวแปร
เลือก Numeric Width=1 Decimal Places=0 คลิกปุ่ม OK
3. Label กำหนดข้อความขยายชื่อตัวแปร เพื่ออธิบายชื่อตัวแปรและแสดงออกทางผลลัพธ์
ให้พิมพ์ตรงคอลัมน์ Label เช่น เพศ
4. Values กำหนดคำอธิบายให้กับค่าตัวแปร
5. Missing กำหนดค่าที่ไม่นำไปวิเคราะห์ มี 2 แบบ
5.1 User Missing ผู้วิจัยเป็นผู้กำหนด เช่น 9, 99, 999, …
5.2 System Missing โปรแกรมจะกำหนดให้เอง
6. Column จำนวนความกว้างของคอลัมน์ คือจำนวนความกว้างมากสุดของ ค่าตัวแปร หรือ ชื่อตัวแปร หรือ label ตัวแปร
จากตัวอย่าง ชื่อตัวแปร และ label ตัวแปร มีความกว้างมากสุดเท่ากับ 3
ให้พิมพ์ 4 (ความกว้างมากสุดเท่ากับ 3 บวกเผื่อไว้ 1)
7. Align ให้แสดงค่าตัวแปร ชิดซ้าย กึ่งกลาง ชิดขวา
8. Measure ระดับการวัดของข้อมูล
7.1 Scale (Interval, Ratio)
7.2 Ordinal
7.3 Nominal
ให้กำหนดชื่อและรายละเอียดของตัวแปรให้ครบทุกตัว
การวิเคราะห์ข้อมูล
1. คลิกที่เมนู Analyze เลือก Descriptive Statistic และเลือก Frequencies
2. จากนั้นเราจะได้กรอบ Frequencies
กรอบ Frequencies ทางช่องซ้ายมือเป็นตัวแปรต่างๆ ที่ได้จากแบบสอบถาม ทางช่องขวามือจะเป็นส่วนเลือกตัวแปรเพื่อวิเคราะห์ข้อมูล
3. เราจะเลือกตัวแปรโดยการคลิกที่ตัวแปรที่ต้องการวิเคราะห์ทางซ้ายมือ จากนั้นคลิกปุ่มเลือก(สามเหลี่ยมสีดำ)ตัวแปรที่ต้องการวิเคราะห์ก็จะตกไปอยู่ทางช่องขวามือ ในที่นี้ให้เลือกทั้งหมดทุกตัวแปร
4.คลิกปุ่ม Statistics แล้วจะได้กรอบ Frequencies Statistics
5. เลือกประเภทการวิเคราะห์ข้อมูล ในที่นี้เราจะวิเคราะห์ Central Tendency และ Dispersion โดย
ส่วน Central Tendency เลือก Mean, Median, Mode, Sum และส่วน Dispersion เลือก Std. deviation, Minimum, Maximum
เลือกเสร็จเรียบร้อยแล้วให้คลิกปุ่ม Continue
เมื่อคลิกปุ่ม Continue จะกลับมาที่กรอบ Frequencies Statistics
6. ต่อไปให้คลิกปุ่ม Charts จะได้กรอบ Frequencies Charts
ในส่วน Frequencies Charts นี้ท่านสามารถเลือก Chart Type ว่าต้องการเป็น Charts ชนิดใด ในที่นี้ให้เลือก Bar charts แล้วคลิก Continue
7. เมื่อคลิกปุ่ม Continue จะกลับมาที่กรอบ Frequencies Statistics ดังภาพ จากนั้นคลิกปุ่ม OK ก็เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูล

ใบงานที่ 11

ใบงานที่ 11
นายการุญ ปัญจะสุวรรณ์
รหัส 5246701070 ป.บัณฑิตการบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช


ความรู้สึกที่มีต่อการจัดการเรียนรู้
กับอาจารย์อภิชาต วัชรพันธุ์

คงเป็นโอกาสดีของกระผมอีกครั้งหนึ่งที่ได้เจออาจารย์ และได้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์อาจารย์เป็นคนอัธยาศัยดีเยี่ยม มีความรู้เต็มเปี่ยม สอนด้วยจิตวิญญาณของความเป็นครู มุ่งมั่นให้ศิษย์ได้ความรู้ให้มากที่สุด พยายามหาสิ่งดีๆ ความรู้ในหลากหลายเรื่องมานำเสนอ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ความ มุ่งมั่น จริงจัง และตั้งใจจริงอาจารย์ อีกไม่นานได้ได้ดีกรีดอกเตอร์อย่างแน่นอน และผมก็จะเป็นคนหนึ่งที่จะไปแสดงความยินดีกับอาจารย์
อาจารย์สนใจและมีความรู้ด้าน ICT ในหลายเรื่อง สามารถเป็นที่ปรึกษาได้ ซึ่งกระผมเองก็มีโอกาสปรึกษาอาจารย์อยู่บ่อยๆ
ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ
การุญ ปัญจะสุวรรณ์ 086-6860415

ใบงานที่ 10

ใบงานที่ 10
นายการุญ ปัญจะสุวรรณ์
รหัส 5246701070 ป.บัณฑิตการบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช

ประวัติของนายการุญ ปัญจะสุวรรณ์
ชื่อ นายการุญ ปัญจะสุวรรณ์ ชื่อเล่น ศร
สถานที่เกิด จังหวัดนครศรีธรรมราช
ประวัติการศึกษา
- ประถมศึกษา โรงเรียนวัดท่าเสม็ด อำเภอชะอวด จ.นครศรีธรรมราช
- มัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนชะอวด อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช
- มัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนพัทลุงพิทยาคม จังหวัดพัทลุง
- ระดับปริญญาตรี ครุศาสตรบัณฑิต วิชาเอกคอมพิวเตอร์ศึกษา สถาบันราชภัฏเพชรบุรี
- ระดับปริญญาโท วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต วิชาเอกการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ
มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
- ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อในระดับประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช
ประวัติการทำงาน
บรรจุในตำแหน่ง อาจารย์ 1ระดับ 3 โรงเรียนบางสวรรค์วิทยาคม อำเภอพระแสง
จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่ง ครู โรงเรียนเทศบาลวัดชัยชุมพล ตำบลปากแพรก อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช

ใบงานที่ 9

ใบงานที่ 9
นายการุญ ปัญจะสุวรรณ์
รหัส 5246701070 ป.บัณฑิตการบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช

สรุปคุณลักษณะของผู้บริหารแบบมืออาชีพในยุคปัจจุบัน
1. กล้าตัดสินใจ การตัดสินใจเป็นคุณลักษณะที่สำคัญประการหนึ่งของนักบริหาร นักบริหารมืออาชีพ ต้องมีข้อมูลที่เพียงพอในการตัดสินใจหรือวินิจฉัยสั่งการ เป็นคนที่สุขุมรอบคอบ มีเหตุมีผลในการตัดสินใจ 2. ไวต่อข้อมูล นักบริหารมืออาชีพ จำเป็นต้องเป็นคนที่ทันสมัย ไวต่อข้อมูลหรือการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ฉะนั้นจำเป็นต้องเป็นผู้ที่ติดตามข่าวสารต่างๆ อยู่เสมอ 3. เพิ่มพูนวิสัยทัศน์ นักบริหารมืออาชีพจะต้องเป็นผู้มีวิสัยทัศน์อันกว้างไกล สามารถมองเห็นภาพ ในอนาคตและแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาได้เป็นอย่างดี
4. ซื่อสัตย์และสร้างสรรค์ผลงาน คือ จะต้องเป็นบุคคลที่มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีการสร้างสรรค์ผลงาน ให้ปรากฏต่อสายตาเพื่อนร่วมงานอยู่เสมอ
5. ประสานสิบทิศ นักบริหารมืออาชีพจำต้องเป็นบุคคลที่สามารถประสานงานกับ หน่วยงาน หรือบุคคลต่างๆ ได้เป็นอย่างดี สามารถไกล่เกลี่ยข้อกรณีพิพาทได้ และสามารถ ขจัดปัดเป่าปัญหา ต่างๆ ในหน่วยงานได้
6. คิดสร้างสรรค์วิธีการทำงานใหม่ๆ จะต้องคิดหาวิธีการทำงานแบบใหม่ๆ อยู่เสมอ 7. จูงใจเพื่อร่วมงาน จำเป็นต้องมีบุคคลที่สามารถโน้มน้าวหรือจูงใจเพื่อนร่วมงาน ให้เกิด
ความกระตือรือร้น ในการทำงาน และมีความรับผิดชอบต่องานสูง ประเมินผล การปฏิบัติงานด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม รู้จักให้การชมเชย ให้รางวัลหรือบำเหน็จ ความชอบ
8. ทนทานต่อปัญหาและอุปสรรค จะต้องมีความอดทนอดกลั้นต่อปัญหาอุปสรรคที่กำลังเผชิญ และพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยอย่างสันติสุข ไม่หนีปัญหา และไม่หมักหมมปัญหาไว้
9. รู้จักยืดหยุ่นตามเหตุการณ์ นักบริหารมืออาชีพจะต้องรู้จักยืดหยุ่น และอ่อนตัวตามเหตุการณ์นั้นๆ ไม่ตึงเกินไปหรือไม่หย่อนเกินไป บางครั้งก็ต้องดำเนินการในสายกลาง แต่ในบางครั้งต้องมี ความเด็ดขาด
10. บริหารงานแบบมีส่วนร่วม จะต้องบริหารงานแบบให้ทีมงานมีส่วนร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมตัดสินใจ และร่วมรับผิดชอบ

ใบงานที่ 8

ใบงานที่ 8
นายการุญ ปัญจะสุวรรณ์
รหัส 5246701070 ป.บัณฑิตการบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช

ศึกษาเกี่ยวกับการใช้การใช้โปรแกรม SPSS OF WINDOWS ทบทวนพื้นฐานโดยให้สรุปหัวข้อประเด็นดังนี้

1.ความหมายของสถิติ
สถิติมีความหมาย 2 อย่างคือ
1 หมายถึง ตัวเลขหรือกลุ่มของตัวเลขที่แสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องหนึ่งเรื่องใดเช่นสถิติเกี่ยวกับปริมานน้ำฝน สถิติการเกิดอัคคีภัย เป็นต้น
2 หมายถึง วิชาที่เป็นทั้งวิทยาศาสตร์และศิลป ว่าด้วยการศึกษาที่เกี่ยวกับข้อมูล ซึ่งประกอบด้วย การเก็บรวบรวมข้อมูล ( collection of date) การนำเสนอข้อมูล( presentation of date)
การวิเคราะข้อมูล (analysis of date) ความหมายข้อมูล (interpretation of data )
ในความหมายที่สอง หมายถึง วิธีการที่เริ่มต้นตั้งแต่การเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งมีหลายวิธีเพราะต้องเก็บข้อมูลที่ถูกต้อง เหมาะสม ถ้าได้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่เหมาะสมข้อมูลเหล่านี้ย่อมใช้ไม่ได้ หรือใช้ได้แต่เพียงส่วนน้อยข้อมูลที่เก็บรวบรวมมา จำเป็นจะต้องมีการนำมาจัดใหม่ให้ดูง่ายหรือเป็นระเบียบ การจัดข้อมูลใหม่อาจใช้ตาราง กราฟ หรือรูปภาพขั้นตอนนี้เรียกว่าการนำเสนอข้อมูล
ค่าเฉลี่ย ( Mean) หมายถึง ค่าที่ได้จากการนำคะแนนทั้งหมดมารวมกันแล้วหารด้วยจำนวนคะแนนทั้งหมด
2.ค่าเฉลี่ย ค่ามัธยฐาน ค่าฐานนิยม ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน มีความหมายว่าอย่างไร และแต่ละค่าเป็นสถิติประเภทใด
ค่าเฉลี่ย (Mean) หรือเรียกว่าค่ากลางเลขคณิต ค่าเฉลี่ย ค่ามัชฌิมเลขคณิต เป็นต้น ความหมายเป็นสถิติเชิงพรรณนา/บรรยาย
มัธยฐาน (Median) คือ คะแนนที่อยู่ตรงกลางที่แบ่งคะแนนออกเป็นสองกลุ่มเท่า ๆ กัน ทำโดยนำคะแนนที่ได้มาเรียงตามลำดับจากมากไปน้อยหรือจากน้อยไปหามาก มักเขียนแทนด้วย Mdn เป็นสถิติเชิงพรรณนา/บรรยาย
ฐานนิยม (Mode) หมายถึงค่าของคะแนนที่มีความถี่สูงสุดของข้อมูลชุดหนึ่ง ๆ ถ้าข้อมูลชุดใดมีค่าความถี่สูงสุดมากกว่า 1 ค่า ข้อมูลชุดนั้นก็มีฐานนิยมมากกว่า 1 ค่า หรือถ้าข้อมูลชุดใดมีค่าความถี่สูงสุดเท่า ๆ กันทุกค่า ข้อมูลนั้นไม่มีฐานนิยม เป็นสถิติเชิงพรรณนา/บรรยาย
3.ประชากรและกลุ่มตัวอย่างมีความหมายต่างกัน กล่าวคือ
ประชากร (Population) หมายถึง หน่วยทุกหน่วย (ซึ่งอาจมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตก็ได้) ที่เรา สนใจเช่น จำนวนคนไทยที่เป็นเพศชาย ประชากรคือคนไทยทุกคนที่เป็นเพศชาย จำนวนรถยนต์ในจังหวัดพิษณุโลก ประชากรคือ รถยนต์ทุกคันที่อยู่ในจังหวัดพิษณุโลก ฯลฯ
กลุ่มตัวอย่าง (Sample) หมายถึง หน่วยย่อยของประชากรที่เราสนใจ เช่น จำนวนรถยนต์ที่วิ่งในจังหวัดพิษณุโลกซึ่งไม่สามารถจัดเก็บได้ทัน จึงต้องใช้ตัวอย่างซึ่งตัวอย่างจะต้องเป็น รถยนต์ที่กำลังวิ่งอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก ฯลฯ
4.ข้อมูลระดับนามบัญญัติ (Nominal Scale) หมายถึง ข้อมูลที่แบ่งเป็นกลุ่มเป็นพวก เช่น เพศ อาชีพ ศาสนา ผิวสี ฯลฯ ไม่สามารถนำมาจัดลำดับ หรือนำมาคำนวณได้
-ข้อมูลระดับอันดับ (Ordinal Scale) หมายถึง ข้อมูลที่สามารถแบ่งเป็นกลุ่มได้ แล้วยังสามารถบอกอันดับที่ของความแตกต่างได้ แต่ไม่สามารถบอกระยะห่างของอันดับที่แน่นนอนได้ หรือไม่สามารถเปรียบเทียบได้ว่าอันดับที่จัดนั้นมีความแตกต่างกันของระยะห่างเท่าใด เช่น อันดับที่ของการสอบของนักศึกษา อันดับที่ของผู้เข้าประกวดนางสาวไทย ฯลฯ
-ข้อมูลระดับช่วงชั้น,อันตรภาค (Interval Scale) หมายถึง ข้อมูลที่มีช่วงห่าง หรือระยะห่างเท่าๆ กัน สามารถวัดค่าได้แต่เป็นข้อมูลที่ไม่มีศูนย์แท้ เช่น อุณหภูมิ คะแนนสอบ GPA คะแนน I.Q. ฯลฯ
-ข้อมูลระดับอัตราส่วน (Ratio Scale) หมายถึง ข้อมูลที่มีมาตราวัดหรือระดับการวัดที่สูงที่สุด คือนอกจากสามารถแบ่งกลุ่มได้ จัดอันดับได้ มีช่วงห่างของข้อมูลเท่าๆกันแล้ว ยังเป็นข้อมูลที่มีศูนย์แท้เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง ระยะทาง รายได้ จำนวนต่างๆ ฯลฯ
5.ตัวแปรต้น หรือตัวแปรอิสระ (Independent Variable) เป็นตัวแปรที่เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดผล หรือก่อให้เกิดการแปรผันของปรากฏการณ์ เป็นตัวแปรที่ผู้วิจัยกำหนดหรือจัดกระทำได้ เพื่อศึกษาผลที่เกิดขึ้นจากตัวแปรนี้
ตัวแปรตาม (Dependent Variable) เป็นตัวแปรที่เป็นผลมากจากการเปลี่ยนแปลงค่าของตัวแปรอิสระ เป็นตัวแปรที่ผู้วิจัยมุ่งวัดเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับนำมาวิเคราะห ์เพื่อตอบคำถามของการวิจัยว่าเป็นผลมากจากสิ่งใด
6. สมมุติฐาน หมายถึง ข้อความที่ผู้วิจัยคาดหวังหรือคิดเกี่ยวกับความแตกต่างที่อาจจะเป็นไปได้ระหว่างตัวแปรต่าง ๆ หรือความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่าง ๆ ก่อนการเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ หรือตอบปัญหาต่าง ๆ โดยอาศัย ประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ ฯลฯ เป็นการเสนอคำตอบชั่วคราวของปัญหาที่ยังไม่ได้ทำการตรวจสอบ โดยอาศัยข้อมูลจากการไปตรวจสอบเอกสาร หรือเป็นการเดาอย่างมีเหตุผลซึ่งสมมุติฐานนั้นไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นจริงเสมอไป
ประเภทของสมมุติฐาน ในวงการวิจัยนั้น สมมุติฐานมีอยู่ 2 ประเภท คือ
1. สมมุติฐานการวิจัย (Research Hypothesis or Descriptive Hypothesis) เป็นข้อความที่เขียนในลักษณะบรรยาย หรือคาดคะเนคำตอบของการวิจัย ซึ่งข้อความดังกล่าวจะแสดงถึงความเกี่ยวข้องกันของตัวแปรในรูปของความสัมพันธ์ หรือในรูปของความแตกต่างที่ได้คาดคะเนไว้ เช่น การสอนซ่อมเสริมโดยการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน จะทำให้ผลสัมฤทธิ์ทาง
การเรียนวิชาเคมี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 สูงกว่าการสอนซ่อมเสริมด้วยวิธีปกติ
2. สมมุติฐานทางสถิติ (Satirical Hypothesis) เป็นสมมุติฐานที่แปลงรูปจากสมมุติฐานการวิจัยมาอยู่ในรูปแบบทางคณิตศาสตร์ โดยมีการแทนค่าด้วยสัญลักษณ์ต่าง ๆ ซึ่งจะเกิดขึ้น ในกรณีที่ผู้วิจัยรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างและจะอ้างอิงไปสู่กลุ่มประชากร โดยการทดสอบสมมุติฐาน
7. T-test เป็นการทดสอบนัยสำคัญของค่าเฉลี่ย เหมาะสำหรับถ้าตัวแปรเป็นตัวแปรเชิงปริมาณที่สามารถวัดค่าได้
F – test (หรือ ANOVA) เป็นการทดสอบนัยสำคัญของค่าเฉลี่ยตั้งแต่สองกลุ่มขึ้นไป
T-test และ F – test เหมือนกันคือเป็นการทดสอบนัยสำคัญของค่าเฉลี่ย ต่างกันคือ F – test เป็นการทดสอบนัยสำคัญของค่าเฉลี่ยของข้อมูลตั้งแต่ 2 กลุ่มขึ้นไป

ใบงานที่ 7

ใบงานที่ 7
นายการุญ ปัญจะสุวรรณ์
รหัส 5246701070 ป.บัณฑิตการบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช


(1) การใส่ปฏิทิน (2) การใส่นาฬิกา (3) การทำสไสด์ (4) การปรับแต่งสีใน Webboard (5) การใส่เพลงลงใน Webboard ให้นักศึกษาสรุปแต่ละประเด็นย่อ ๆ
การใส่ ตกแต่งบล๊อก ด้วยปฏิทิน นาฬิกา สไลด์รูปต่างๆ เปลี่ยนสีในรูปแบบ และเพลงนั้น จำเป็นจะต้องใช้โค้ด(ภาษา HTML) ซึ่งเป็นโค้ดที่ต้องเพิ่มใน Gadget ซึ่งเมนูการเพิ่มจะอยู่ที่
แผงควบคุม ---> รูปแบบ ---> เพิ่ม Gadget ---> เพิ่มจาวา/HTML ---> วางโค้ดของปฎิทิน/นาฬิกา/เพลงที่เราได้คัดลอกมาจากโค้ดที่เราค้นหาโดยใช้ Google ---> แล้วสั่งบันทึก ซึ่งจะกลับมาที่หน้ารูปแบบ--->สั่งบันทึกอีกครั้ง--->จะขึ้นข้อความว่าได้"ได้บันทึกการเปลี่ยนแปลงแล้ว ดูบล๊อก" ---> ซึ่งสามารถดูบล๊อกได้ว่าเป็นไปตามที่ต้องการหรือไม่
สำหรับการค้นหาโค้ด โดยใช้ Google นั้น เมื่อเข้าเว็บ Google แล้วใช้คำค้นหา เช่น โค้ดเพลง/โค้ดปฏิทินแต่งบล๊อก/โค้ดนาฬิกา / โค้ดแต่งบล๊อก /หรือระบุเพลงที่ต้องการ เช่น โค้ดเพลงสวัสดีปีใหม่/โค้ดเพลงไทยสากล เพลงลูกทุ่ง/โค้ดเพลง(ชื่อเพลง) เมื่อได้หน้าเว็บGoogle ที่ขึ้นผลการค้นหาแล้ว เลือกเปิดลิงค์ต่าง ๆ ก็จะได้หน้าเว็บเช่น